Asian Stamp Rare
Wednesday, 19 February 2014
anan: ปัญหานาข้าวของไทย ปี 2552 (ขั้นที่ 2 ของระบบทักษิณ...
anan: ปัญหานาข้าวของไทย ปี 2552 (ขั้นที่ 2 ของระบบทักษิณ...: ปัญหานาข้าวของไทย ปี 2552 ปัญหานาข้าวของไทยเริ่มต้นเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ ก่อนหน้านี้นาข้าวถูกซื้อจากชาวนาเพื...
ปัญหานาข้าวของไทย ปี 2552 (ขั้นที่ 2 ของระบบทักษิณ)
ปัญหานาข้าวของไทย ปี 2552
ปัญหานาข้าวของไทยเริ่มต้นเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ ก่อนหน้านี้นาข้าวถูกซื้อจากชาวนาเพื่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ชาวเอเชียด้วยกันมักจะร่วมทุนกับคนไทย ก่อตั้งโรงงานผลิตเสื้อผ้า และอุปกรณ์ทางชิ้นส่วนเครื่องจักร ลูกหลานชาวนาย่อมได้รับผลกระทบ เพื่อเป็นการตอบแทน ทางโรงงานจึงส่งลูกหลานชาวนาไปดูงานยังต่างประเทศ แล้วส่งกลับมาช่วยการผลิตของโรงงานในท้องถิ่น วิถีชีวิตของคนทำนาเปลี่ยนมาจากการผลิตเพื่อพออยู่ ลูกหลานชาวนากลายมาเป็นลูกจ้างโรงงาน เจ้าของนาเริ่มมีบทเรียนจากการขายนา เป็นเศรษฐีไม่นานนัก เงินที่ได้จากการขายนามีวันลดลง ถึงแม้จะมากโขอยู่ หากแต่ไม่สามารถเที่ยบกับพื้นนาข้าวที่เคยทำกินเลี้ยงชีพกว่าหลายช่วงอายุคน การขายที่นายุติ ลดความร้อนแรงมาได้เกือบยี่สิบปี จนมาถึงในปี 2552 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ที่หนักหนาสาหัสเห็นจะเป็นภูมิภาคกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ที่สำคัญเกิดแนวความคิดใหม่ในซีกโลกตะวันออกกลาง ที่ต้องการให้ประชาชนของตนกระจายออกไปลงทุน ด้วยน้ำมันที่มีอยู่ในประเทศอาาจะมีวันหมดสิ้น สิ่งแรกที่เล็งเป้าไว้อันดับแรก สินค้าข้าวจะมีส่วนช่วยให้ประชากรของตนอยู่รอดในยามภัยธรรมชาติ จังหวะดีที่มีโอกาสพบปะกับนักการเมืองของไทยคนหนึ่งให้การสนับสนุน
มีข้อมูลข่าวสารบันทึก จากหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ บริษัทจากซีกโลกตะวันออกกลางเข้ามากว้านซื้อที่นาจำนวนมาก บ้างก็ใช้กลอุบายเช่าซื้อและอื่นๆ มีการจัดเครื่องมือที่ทันสมัยสำหรับผลิต
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=475580
แหล่งข่าวนี้ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานพิเศษต้องลงไปสืบสวน เพราะไม่เชื่อว่าเจ้าของที่นาข้าวจะทำการปล่อยขาย ทุกคนรู้ดีว่า บทเรียนเศรษฐีใหม่จากการขายนาข้าวมันได้จบลงมาไม่นาน แต่แล้วเรื่องการสอบสวน ความจริงที่มีบริษัทต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่นาข้าวก็เงียบเข้ากีบเมฆ
http://gms.oae.go.th/Z_Show.asp?ArticleID=260 http://gms.oae.go.th/Z_Show.asp?ArticleID=260
พื้นที่รอบกรุงเทพมหานครฯก็ไม่ถูกละเว้น ดังที่นายกสมาคมชาวนาในสมัยนั้นรายงานถึงค่าตอบแทนจากค่านายหน้าพร้อมเงินเดือนประจำในแต่ละเดือน ในปี 2552 นี้ต่างชาติเข้ามาฮุบที่ดินถึง 25 จังหวัดในประเทศไทย ดังรายงาน http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9520000108424
หลังจากนี้เพียงสองปี คือ ปี 2554 เกิดนโยบายของรัฐที่ออกมาค้ำประกันข้าวทุกเม็ดจากชาวนา
ในขณะที่หน่วยงานไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่มีความสำนึกหวงแหนแผ่นดินเกิด กลับพบความจริงที่ตรงข้ามกับหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงชี้แจง
สำนัก คลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม ซึ่งมี พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ เป็นประธาน พบว่า มีต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่นา ที่ดินทำกินไปจากเกษตรกรไทยจริง
ยิ่งไปกว่านั้น บ้านเราไม่เพียงให้ต่างชาติสามารถครอบครองที่ดินแบบผิดกฎหมายได้อย่างเปิดเผย มีแต่ข้าราชการเท่านั้นที่ไม่รู้
บ้านเรายังมีช่องทางให้ต่างชาติครอบครองที่ดินได้อย่างถูกกฎหมาย โดยที่กฎหมายห้ามใดๆก็ไม่มีผลที่จะไปห้ามได้
คนไทยครอบครองที่ดินได้เท่าไร...ต่างชาติมีสิทธิครอบครองได้ เท่านั้น
คน ไทยทำอะไรในที่ดินได้ทุกอย่าง...ต่างชาติก็มีสิทธิทำอะไรได้ทุกอย่างเหมือน กัน...ทำไร่ ทำนา ทำสวน ต่างชาติมีสิทธิทำได้โดยถูกกฎหมายทุกประการ แม้จะมีกฎหมายห้ามไว้ก็ตาม
ด้วยข้อมูลที่ สำนักงานคลังสมอง วปอ. ได้จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พบว่า การถือครองที่ดินของต่างชาติในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายได้สิทธิเหมือนเป็นคน ไทย สามารถทำได้ในรูปการจัดตั้งเป็นนิติบุคคล หรือบริษัท
ตั้งเป็นบริษัทมีต่างชาติถือหุ้นในบริษัท 49% มีคนไทยถือหุ้น 51%...ถูกกฎหมายทุกประการ ถือเป็นบริษัทของคนไทย
แต่คนไทยที่ถือหุ้นมากกว่านั้น ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างของบริษัทที่ปรึกษากฎหมายให้ต่างชาติ ที่พบว่า มีคนไทยหลายคน รับจ้างถือหุ้นมากถึง 600 บริษัท
แต่นั่นไม่สำคัญเท่า การจัดทะเบียนผู้ถือหุ้นที่ระบุว่า คนไทยถือหุ้นมากกว่านั้น...กฎหมายไทยอนุญาตให้จัดฉากได้อย่างเปิดเผย
เพราะ สามารถระบุไปในข้อบังคับของบริษัทได้ว่า ต่างชาติถือหุ้นน้อยกว่ามีสิทธิ มีอำนาจออกเสียงลงคะแนนในการดำเนินกิจการต่างๆ ของบริษัทได้มากกว่าคนไทยที่ถือหุ้นมากกว่า
ต่างชาติถือหุ้นน้อยกว่า แต่มีอำนาจมากกว่าได้
นั่นเท่ากับว่า บริษัทที่มีเปลือกนอกเป็นของคนไทย...เนื้อในแท้จริงแล้วเป็นของต่างชาติเต็มร้อย
เมื่อกฎหมายบ้านเราเปิดช่องไว้เช่นนี้...ต่างชาติเลยมีสิทธิทำได้ทุก อย่างเหมือนเป็นคนไทยทุกประการ กฎหมายห้ามใดๆ เลยมีอันเป็นหมัน...ห้ามไม่ได้
ปัญหานาข้าวของไทยเริ่มต้นเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ ก่อนหน้านี้นาข้าวถูกซื้อจากชาวนาเพื่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ชาวเอเชียด้วยกันมักจะร่วมทุนกับคนไทย ก่อตั้งโรงงานผลิตเสื้อผ้า และอุปกรณ์ทางชิ้นส่วนเครื่องจักร ลูกหลานชาวนาย่อมได้รับผลกระทบ เพื่อเป็นการตอบแทน ทางโรงงานจึงส่งลูกหลานชาวนาไปดูงานยังต่างประเทศ แล้วส่งกลับมาช่วยการผลิตของโรงงานในท้องถิ่น วิถีชีวิตของคนทำนาเปลี่ยนมาจากการผลิตเพื่อพออยู่ ลูกหลานชาวนากลายมาเป็นลูกจ้างโรงงาน เจ้าของนาเริ่มมีบทเรียนจากการขายนา เป็นเศรษฐีไม่นานนัก เงินที่ได้จากการขายนามีวันลดลง ถึงแม้จะมากโขอยู่ หากแต่ไม่สามารถเที่ยบกับพื้นนาข้าวที่เคยทำกินเลี้ยงชีพกว่าหลายช่วงอายุคน การขายที่นายุติ ลดความร้อนแรงมาได้เกือบยี่สิบปี จนมาถึงในปี 2552 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ผลผลิตทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ที่หนักหนาสาหัสเห็นจะเป็นภูมิภาคกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
ที่สำคัญเกิดแนวความคิดใหม่ในซีกโลกตะวันออกกลาง ที่ต้องการให้ประชาชนของตนกระจายออกไปลงทุน ด้วยน้ำมันที่มีอยู่ในประเทศอาาจะมีวันหมดสิ้น สิ่งแรกที่เล็งเป้าไว้อันดับแรก สินค้าข้าวจะมีส่วนช่วยให้ประชากรของตนอยู่รอดในยามภัยธรรมชาติ จังหวะดีที่มีโอกาสพบปะกับนักการเมืองของไทยคนหนึ่งให้การสนับสนุน
มีข้อมูลข่าวสารบันทึก จากหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ บริษัทจากซีกโลกตะวันออกกลางเข้ามากว้านซื้อที่นาจำนวนมาก บ้างก็ใช้กลอุบายเช่าซื้อและอื่นๆ มีการจัดเครื่องมือที่ทันสมัยสำหรับผลิต
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=475580
แหล่งข่าวนี้ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานพิเศษต้องลงไปสืบสวน เพราะไม่เชื่อว่าเจ้าของที่นาข้าวจะทำการปล่อยขาย ทุกคนรู้ดีว่า บทเรียนเศรษฐีใหม่จากการขายนาข้าวมันได้จบลงมาไม่นาน แต่แล้วเรื่องการสอบสวน ความจริงที่มีบริษัทต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่นาข้าวก็เงียบเข้ากีบเมฆ
http://gms.oae.go.th/Z_Show.asp?ArticleID=260 http://gms.oae.go.th/Z_Show.asp?ArticleID=260
พื้นที่รอบกรุงเทพมหานครฯก็ไม่ถูกละเว้น ดังที่นายกสมาคมชาวนาในสมัยนั้นรายงานถึงค่าตอบแทนจากค่านายหน้าพร้อมเงินเดือนประจำในแต่ละเดือน ในปี 2552 นี้ต่างชาติเข้ามาฮุบที่ดินถึง 25 จังหวัดในประเทศไทย ดังรายงาน http://www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9520000108424
หลังจากนี้เพียงสองปี คือ ปี 2554 เกิดนโยบายของรัฐที่ออกมาค้ำประกันข้าวทุกเม็ดจากชาวนา
หากเราคิดย้อนไปก่อนหน้าปี 2551 ไม่นานนัก พบคดีความทางกฏหมาย เรื่องที่นาข้าวผืนใหญ่ในหลายจังหวัดจำนวนมากเกิดปัญหาขึ้นศาล https://www.google.co.th/url?sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=3&cad=rja&ved=0CDgQFjAC&url=http%3A%2F%2Fcourt.admincourt.go.th%2Fordered%2FAttach%2F56%2F1-2-56-445.doc&ei=IYgEU_aAEsL-iAeYmoHgBA&usg=AFQjCNGwRaK59N1uqciDfYSvIO_lYPMXgg&sig2=C2OEF0sEM2Sanfcf0mfIhg
ความจริงก็ยอมรับและเปิดมาอย่างจัง ดังรายละเอียด http://www.thairath.co.th/today/view/59305
ต่างชาติยึดที่ดิน ราชการไทยดูดาย
ไม่มีใครตั้งคำถาม ? เราจะต้องเสียเงินพัฒนาระบบน้ำ 3.5 แสนล้านบาทเพื่อชาวนาไทยจริง
ข่าวใหญ่หน้าหนึ่ง ปี 2552 ความ
รู้สึกของคนไทยผู้หวงแหนแผ่นดินไม่น้อย
เป็น ข่าวต่อเนื่อง หลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พาแขกวีไอพีมหาเศรษฐีชาวซาอุดีอาระเบีย ชมสาธิตการทำนาที่ จ.สุพรรณบุรี อ้างเหตุผลต้องการดึงเงินลงทุนจากชาติเศรษฐีน้ำมันเข้าประเทศ ให้มาลงทุนทำนาปลูกข้าวส่งขายต่างประเทศ
ทั้งที่เป็นข่าวช็อกความ รู้สึกของคนทั่วไป แต่กระบวนการขับเคลื่อนตรวจสอบและหยุดยั้งของหน่วยราชการที่มีหน้าที่รับผิด ชอบโดยตรง...กลับไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
เป็น ข่าวต่อเนื่อง หลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้พาแขกวีไอพีมหาเศรษฐีชาวซาอุดีอาระเบีย ชมสาธิตการทำนาที่ จ.สุพรรณบุรี อ้างเหตุผลต้องการดึงเงินลงทุนจากชาติเศรษฐีน้ำมันเข้าประเทศ ให้มาลงทุนทำนาปลูกข้าวส่งขายต่างประเทศ
ทั้งที่เป็นข่าวช็อกความ รู้สึกของคนทั่วไป แต่กระบวนการขับเคลื่อนตรวจสอบและหยุดยั้งของหน่วยราชการที่มีหน้าที่รับผิด ชอบโดยตรง...กลับไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
สิ่งที่คนไทยได้รับคำตอบจากหน่วยราชการ มีเพียง...การเข้ามายึดครองที่ดินของต่างชาติเป็นแค่ข่าวลือ ไม่ใช่เรื่องจริง
ต่างชาติไม่สามารถเข้าถือครองที่ดินทำกินไปจากคนไทยได้ เพราะเรามีกฎหมายบังคับไม่ให้ต่างชาติถือครองที่ดิน ทำนา ทำการเกษตรได้
ต่างชาติไม่สามารถเข้าถือครองที่ดินทำกินไปจากคนไทยได้ เพราะเรามีกฎหมายบังคับไม่ให้ต่างชาติถือครองที่ดิน ทำนา ทำการเกษตรได้
ในขณะที่หน่วยงานไม่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่มีความสำนึกหวงแหนแผ่นดินเกิด กลับพบความจริงที่ตรงข้ามกับหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงชี้แจง
สำนัก คลังสมอง วปอ. เพื่อสังคม ซึ่งมี พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ เป็นประธาน พบว่า มีต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่นา ที่ดินทำกินไปจากเกษตรกรไทยจริง
พบ มากในพื้นที่จังหวัดภาคกลางที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย เช่น สุพรรณบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อุทัยธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว
และมีหลายรายที่ทำผิดกฎหมายชัดเจน แต่ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าไปหยุดยั้งปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าง อ.โคกตูม จ.ลพบุรี มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากชาวอินเดีย
อ.บางเลน จ.นครปฐม มีการเช่าที่ดินเพื่อทำการเกษตรกรรม 500 ไร่ เป็นเวลา 10 ปี ในราคาค่าเช่าไร่ละ 4,000 บาท ทั้งที่ค่าเช่าปกติอยู่ที่ไร่ละ 2,000 บาท
อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี มีชาวไต้หวันมาทำนาข้าวและแปรรูปเป็นข้าวสาร
จ.นครนายก มีนักการเมืองเป็นนายหน้าและนายทุนต่างชาติเป็นผู้ลงทุนทำสัญญาเช่านา เพื่อทำนามากถึง 1,600 ไร่
นี่เป็นเรื่องจริงหรือ??
ไหนว่าบ้านเรามีกฎหมายบังคับสารพัดห้ามต่างชาติถือครองที่ดิน ห้ามทำนา ทำการเกษตร แต่คนต่างชาติเข้ามาทำอย่างนี้ได้อย่างไร?
มองจากตัวบทกฎหมาย ต้องยอมรับ บ้านเรามีกฎหมายห้ามไว้จริง ต่างชาติทำไม่ได้ ไม่มีสิทธิมากว้านซื้อที่ดิน ทำนา
แต่ถ้ามองจากภาคปฏิบัติ...คนไทยรู้กันดี เห็นกันทุกวัน บ้านเรากฎหมายมีไปก็เท่านั้น ใช้บังคับไม่ได้
กฎหมายบ้านเรามีไว้ให้ข้าราชการใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ เท่านั้นเอง...อะไรที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้เสมอ
และมีหลายรายที่ทำผิดกฎหมายชัดเจน แต่ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าไปหยุดยั้งปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าง อ.โคกตูม จ.ลพบุรี มีการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจากชาวอินเดีย
อ.บางเลน จ.นครปฐม มีการเช่าที่ดินเพื่อทำการเกษตรกรรม 500 ไร่ เป็นเวลา 10 ปี ในราคาค่าเช่าไร่ละ 4,000 บาท ทั้งที่ค่าเช่าปกติอยู่ที่ไร่ละ 2,000 บาท
อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี มีชาวไต้หวันมาทำนาข้าวและแปรรูปเป็นข้าวสาร
จ.นครนายก มีนักการเมืองเป็นนายหน้าและนายทุนต่างชาติเป็นผู้ลงทุนทำสัญญาเช่านา เพื่อทำนามากถึง 1,600 ไร่
นี่เป็นเรื่องจริงหรือ??
ไหนว่าบ้านเรามีกฎหมายบังคับสารพัดห้ามต่างชาติถือครองที่ดิน ห้ามทำนา ทำการเกษตร แต่คนต่างชาติเข้ามาทำอย่างนี้ได้อย่างไร?
มองจากตัวบทกฎหมาย ต้องยอมรับ บ้านเรามีกฎหมายห้ามไว้จริง ต่างชาติทำไม่ได้ ไม่มีสิทธิมากว้านซื้อที่ดิน ทำนา
แต่ถ้ามองจากภาคปฏิบัติ...คนไทยรู้กันดี เห็นกันทุกวัน บ้านเรากฎหมายมีไปก็เท่านั้น ใช้บังคับไม่ได้
กฎหมายบ้านเรามีไว้ให้ข้าราชการใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ เท่านั้นเอง...อะไรที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้เสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น บ้านเราไม่เพียงให้ต่างชาติสามารถครอบครองที่ดินแบบผิดกฎหมายได้อย่างเปิดเผย มีแต่ข้าราชการเท่านั้นที่ไม่รู้
บ้านเรายังมีช่องทางให้ต่างชาติครอบครองที่ดินได้อย่างถูกกฎหมาย โดยที่กฎหมายห้ามใดๆก็ไม่มีผลที่จะไปห้ามได้
คนไทยครอบครองที่ดินได้เท่าไร...ต่างชาติมีสิทธิครอบครองได้ เท่านั้น
คน ไทยทำอะไรในที่ดินได้ทุกอย่าง...ต่างชาติก็มีสิทธิทำอะไรได้ทุกอย่างเหมือน กัน...ทำไร่ ทำนา ทำสวน ต่างชาติมีสิทธิทำได้โดยถูกกฎหมายทุกประการ แม้จะมีกฎหมายห้ามไว้ก็ตาม
ด้วยข้อมูลที่ สำนักงานคลังสมอง วปอ. ได้จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม พบว่า การถือครองที่ดินของต่างชาติในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายได้สิทธิเหมือนเป็นคน ไทย สามารถทำได้ในรูปการจัดตั้งเป็นนิติบุคคล หรือบริษัท
ตั้งเป็นบริษัทมีต่างชาติถือหุ้นในบริษัท 49% มีคนไทยถือหุ้น 51%...ถูกกฎหมายทุกประการ ถือเป็นบริษัทของคนไทย
แต่คนไทยที่ถือหุ้นมากกว่านั้น ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างของบริษัทที่ปรึกษากฎหมายให้ต่างชาติ ที่พบว่า มีคนไทยหลายคน รับจ้างถือหุ้นมากถึง 600 บริษัท
แต่นั่นไม่สำคัญเท่า การจัดทะเบียนผู้ถือหุ้นที่ระบุว่า คนไทยถือหุ้นมากกว่านั้น...กฎหมายไทยอนุญาตให้จัดฉากได้อย่างเปิดเผย
เพราะ สามารถระบุไปในข้อบังคับของบริษัทได้ว่า ต่างชาติถือหุ้นน้อยกว่ามีสิทธิ มีอำนาจออกเสียงลงคะแนนในการดำเนินกิจการต่างๆ ของบริษัทได้มากกว่าคนไทยที่ถือหุ้นมากกว่า
ต่างชาติถือหุ้นน้อยกว่า แต่มีอำนาจมากกว่าได้
นั่นเท่ากับว่า บริษัทที่มีเปลือกนอกเป็นของคนไทย...เนื้อในแท้จริงแล้วเป็นของต่างชาติเต็มร้อย
เมื่อกฎหมายบ้านเราเปิดช่องไว้เช่นนี้...ต่างชาติเลยมีสิทธิทำได้ทุก อย่างเหมือนเป็นคนไทยทุกประการ กฎหมายห้ามใดๆ เลยมีอันเป็นหมัน...ห้ามไม่ได้
และด้วยเหตุนี้การตรวจสอบของหน่วย ราชการเลยไม่พบว่า มีบริษัทต่างชาติมากว้านซื้อที่ดินทำนา เพราะมัวแต่มะงุมมะงาหราจับหาแต่บริษัทนอมินีอยู่นั่นแหละ
ยุคนี้ต่างชาติก้าวไปอีกขั้น เลิกใช้นอมินี...ใช้วิธีนี้ดีกว่า ถูกทั้งเงินถูกทั้งกฎหมาย ได้สิทธิเท่าเจ้าของประเทศ
การ ศึกษาของสำนักงานคลังสมอง วปอ. ยังพบอีกว่า ปัญหาการเข้ามายึดครองที่ดินทำกินของต่างชาติในลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดกับบ้านเราประเทศเดียวเท่านั้น
ปัญหานี้ได้กลายเป็นกระแส ใหม่ของโลก โดยเฉพาะในกลุ่มชาติที่ร่ำรวย มีเงินสดเหลือจากการค้าขายน้ำมัน สินค้าอุตสาหกรรม ได้ออกล่าหาผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ไว้ทำการเกษตร
โดยมีสาเหตุมาจากความหวั่นวิตกในเรื่องความมั่นคงของอาหาร...อนาคตอาหารจะขาดแคลน จาก 3 สาเหตุสำคัญ
1. ภาวะโลกร้อน พื้นที่หลายแห่งประสบภัยธรรมชาติ ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย
2. น้ำมันแพง ต้องการที่ดินปลูกพืชพลังงานทดแทนมากขึ้น พืชพลังงานแย่งพื้นที่พืชอาหาร
3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของพลเมืองโลก ที่ผันตัวเองเป็นผู้มีรายได้ ระดับกลางมากขึ้น ผู้คนทิ้งอาชีพเกษตรเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น...คนผลิตอาหารน้อยลง คนบริโภคอาหารเพิ่มขึ้น
ด้วยเหตุนี้จึงได้ก่อให้เกิดกระแสการล่าหา ดินแดนเพาะปลูกเพื่อผลิตอาหารของชาติร่ำรวย จนเมื่อปีที่แล้ว มีรายงานจากสหประชาชาติ ระบุว่า ขณะนี้โลกกำลังเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคมทางการเกษตร (Agro-Colonization)
แม้แต่ นิตยสารไทม์ส ฉบับต้นปี 2552 ยังได้กล่าวถึงธุรกิจที่ดีที่สุดของโลกอนาคต 10 ประเภท...ธุรกิจการทำเกษตรแบบ Contract Farmming ในประเทศที่มีที่ดินอุดมสมบูรณ์ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของธุรกิจที่ดีที่สุดในอนาคต
ในละแวกภูมิภาคอาเซียน ประเทศไหนมีที่ดินอุดมสมบูรณ์ อยู่ในชัยภูมิได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติน้อย...ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา เสี่ยงต่อพายุถล่มทุกปี ปีละหลายครั้ง
บ้านเราอยู่ในชัยภูมิ มีประเทศเพื่อนบ้านเป็นเกราะกำบัง ลดแรงพายุโดยธรรมชาติ...เลยเป็นที่หมายตามากกว่าที่อื่น
การ ศึกษาของสำนักงานคลังสมอง วปอ. ยังพบอีกว่า ปัญหาการเข้ามายึดครองที่ดินทำกินของต่างชาติในลักษณะนี้ ไม่ได้เกิดกับบ้านเราประเทศเดียวเท่านั้น
ปัญหานี้ได้กลายเป็นกระแส ใหม่ของโลก โดยเฉพาะในกลุ่มชาติที่ร่ำรวย มีเงินสดเหลือจากการค้าขายน้ำมัน สินค้าอุตสาหกรรม ได้ออกล่าหาผืนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ไว้ทำการเกษตร
โดยมีสาเหตุมาจากความหวั่นวิตกในเรื่องความมั่นคงของอาหาร...อนาคตอาหารจะขาดแคลน จาก 3 สาเหตุสำคัญ
1. ภาวะโลกร้อน พื้นที่หลายแห่งประสบภัยธรรมชาติ ผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย
2. น้ำมันแพง ต้องการที่ดินปลูกพืชพลังงานทดแทนมากขึ้น พืชพลังงานแย่งพื้นที่พืชอาหาร
3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของพลเมืองโลก ที่ผันตัวเองเป็นผู้มีรายได้ ระดับกลางมากขึ้น ผู้คนทิ้งอาชีพเกษตรเข้ามาทำงานในเมืองมากขึ้น...คนผลิตอาหารน้อยลง คนบริโภคอาหารเพิ่มขึ้น
ด้วยเหตุนี้จึงได้ก่อให้เกิดกระแสการล่าหา ดินแดนเพาะปลูกเพื่อผลิตอาหารของชาติร่ำรวย จนเมื่อปีที่แล้ว มีรายงานจากสหประชาชาติ ระบุว่า ขณะนี้โลกกำลังเข้าสู่ยุคล่าอาณานิคมทางการเกษตร (Agro-Colonization)
แม้แต่ นิตยสารไทม์ส ฉบับต้นปี 2552 ยังได้กล่าวถึงธุรกิจที่ดีที่สุดของโลกอนาคต 10 ประเภท...ธุรกิจการทำเกษตรแบบ Contract Farmming ในประเทศที่มีที่ดินอุดมสมบูรณ์ ติดอันดับ 1 ใน 10 ของธุรกิจที่ดีที่สุดในอนาคต
ในละแวกภูมิภาคอาเซียน ประเทศไหนมีที่ดินอุดมสมบูรณ์ อยู่ในชัยภูมิได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติน้อย...ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า กัมพูชา เสี่ยงต่อพายุถล่มทุกปี ปีละหลายครั้ง
บ้านเราอยู่ในชัยภูมิ มีประเทศเพื่อนบ้านเป็นเกราะกำบัง ลดแรงพายุโดยธรรมชาติ...เลยเป็นที่หมายตามากกว่าที่อื่น
ต่อมาเพียงปีเศษ รัฐบาลไทยใช้นโยบายประกันราคาข้าวทุกเม็ด นิติบุคคลต่างชาติที่เข้าดำเนินการผลิตข้าวได้กอบโกยผลประโยชน์ร่วมกำกับนักการเมืองไทย เป็นจำนวนมหาศาล โดยอาศัยชาวนาไทยเป็นเกราะ ในปี 2557 ยังไม่มีการสำรวจความเสียหายจากคดีความที่ชาวนาเสียที่นาไปจำนวนเท่าไร ผลปรโยชน์ที่นิติบุคคลต่างชาติได้รับแบบแอบซ่อนจากการประกันราคาข้าว ผืนนาข้าวในสามจังหวัดชายแดนใต้ กำลังเป็นเป้าหมายต่อไป
Wednesday, 5 February 2014
ภาพศิลปบนธนบัตรทั่วโลก Visual Arts on the banknotes worldwide. Part 2
Subscribe to:
Posts (Atom)