ปานสีดำรูปหัวใจมันสีเข้มขึ้นอย่างผิดปกติ ในวันที่เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งมาเรียกให้ไปกินข้าวที่เรือนรับรองของเหล่าเพื่อนหญิงฝึกงาน ผมบอกเธอว่า ขอโทษด้วยที่ตื่นนอนสาย ขออาบน้ำก่อน มันดูแปลกมาก ผมไม่เคยสนใจกับปานรูปหัวใจ ช่วงจะดึงน้ำขึ้นจากบ่อลึกใต้ดินเพื่อนำมาลาดตัว สังเกตุเห็น ปานรูปหัวใจสีเข้มดำออกสีแดง
เธอเป็นใคร บ้านเกิดเมืองนอนอยู่แห่งหนใดกันเล่า สามปีที่ผ่านมาแทบจะไม่ค่อยจะเคยเห็นเพื่อนผู้หญิงคนนี้มาก่อน จะผ่านตาเราสักครั้งก็หาไม่ เพื่อนของเธอบอกผมว่า เพื่อนคนนี้ไม่เคยออกมาจากหอพักโดยไม่จำเป็น ลักษณะเป็นสาวปักษ์ใต้ที่เรียบร้อยในกิริยา มารยาท เรียนเก่ง ทำกับข้าวก็ฝีมือดี ผมพยายามดูแววตาของเจ้าหล่อนด้วยความสงสัยและเริ่มสนใจมากขึ้น จนเพื่อนหญิงทั้งหกคนเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเราทั้งสองคน กับข้าวที่ทำออกมาจะไม่เผ็ดเพราะเธออ่านใจผมออก นอกจากนี้เธอยังรู้ว่า ผมไม่ค่อยจะสบาย แต่จะไม่แสดงให้ผู้อื่นได้รู้
ความคิดเริ่มขัดแย้งกับคำบอกเล่าของพี่และผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯที่ว่า สาวปักษ์ใต้แข็งกระด้าง กริยามารยาทไม่เรียบร้อย อย่าได้คิดผูกใจ รักใคร่ วันนี้ผมต้องคิดใหม่เพราะเห็นมาด้วยตาตนเอง สาวปักษ์ใต้ถึงแม้จะไม่สวย ไม่ได้ร่ำรวย ไม่มีฐานะทางสังคม เธอเป็นผู้หญิงชาวบ้านที่ดูน่ารักกว่าผู้หญิงอื่นที่สวยงาม การบ้านการเรือนก็ไม่ละเว้น
มันเป็นความเลว และความร้ายมากกว่าสำหรับตัวผมที่มีปานรูปหัวใจ แต่หลายคนของเครือญาติในเชื้อสาย พุทธ มุสลิม จีน(จีนบ่าบ๋า) และอื่นๆมองว่าเป็นสิ่งที่ดี ผมคนเดียวที่ญาติทางไกลรู้จักผมทุกคน ยามใดที่มีงานทำบุญในที่แห่งหนใด พ่อและแม่จะต้องอุ้มผม เจ้าเด็กคนที่เก้าไปด้วยในทุกงาน แต่ตัวเองไม่สามารถจดจำญาติได้เพราะมีกันหลายฝ่ายหลายมุมเมือง น่ารำคาญและน่าเบื่อที่เป็นตัวตลกจนต้องถามแม่และพ่อ ทำไมหนอ ก็เพราะตอนเด็กนั้นจะเห็นปานดำรูปหัวใจเด่นชัดก่อนที่จะเห็นเจ้าเด็กน้อยคนที่เก้า หลังจากนั้นแม่ก็เล่านิยายเก่าแก่เรื่องหนึ่งเป็นภาษาไทย โดยมีคุณตาและคุณยายเล่านิยายเก่าเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษอยู่ด้านหลังของแม่ บางคนอาจจะไม่เข้าใจ รวมทั้งตัวผมเอง คุณตาและคุณยายถึงสามารถพูดภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษามาลายูกลาง(บาฮาช)ได้อย่างคล่องแคล้ว ผมเริ่มรู้และเข้าใจวันที่คนที่ผมรักมาจากหัวเมืองหาดใหญ่มาถึงกรุงเทพฯ แม่เลี้ยงและพี่หลายคนพบกับผมในห้องกินข้าว น้ำเสียงแม่เลี้ยงพูดด้วยอ่อนโยน ถ้าผมอยากจะกลับไปดินแดนของวงศ์ตระกูลแต่เก่าก่อนเพราะรักมากกับสาวปักษ์ใต้ที่ไม่ใช่เครือญาติ พรุ่งนี้เช้าไปขอจดหมายเก่าของเมืองปักษ์ใต้จากน้าสาวเล็ก ในจดหมายบอกไว้ให้กลับไปรับส่วนแบ่งทรัพย์สิน ที่ดิน แต่คุณตาสั่งไว้ว่า ห้ามไม่ให้ใครกลับไปใช้ชีวิตที่ปักษ์ใต้เพราะไม่มีความปลอดภัย หากมีสมบัติ ทรัพย์สินมาก ย่อมจะมีชีวิตสั้นลง
ใครก็ตามที่ไม่ใช่เชื้้้อสายเดียวกัน มักจะอยู่ด้วยกันแบบทุกข์ทรมาน คำสาบของพระนางมัสซูหรี น้องชายของพระราชาในประเทศมาเลเซีย ทรงเป็นที่รักยิ่งของของพระราชาและคนทั่วไป เพราะคอยช่วยเหลือพระราชาในเรื่องสำคัญมากมาย เมื่อถึงเวลาอภิเษกสมรส จะต้องแต่งงานกับคนในเชื้อสายเดียวกันหรือใกล้เคียง มันเป็นประเพณีสืบทอดกันมา แต่ถ้าคู่สมรสไม่มีบุตรเป็นชาย ก็ไม่สามารถขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นพระนางประไหมสุหรี พระนางมัสซูหรีเป็นพระชายาที่มีบุตรเป็นชาย มีสิทธิขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นพระนางประไหมสุหรีแทนอย่างแน่นอน อีกทั้งน้องชายพระราชาก็โปรดปรานพระนางมัสซูหรีอย่างมาก เพราะเป็นสตรีที่น่ารัก การบ้านการเรือนเรียบร้อย กริยามารยาทดีงาม มีความฉลาด แต่พระนางมาจากแดนไกล ไม่มีญาติพี่น้องคอยช่วยเหลือ พระนางถูกใส่ร้าย ป้ายสีจากเครือญาติของพระนางประไหมสุหรี ในที่สุดพระนางมัทซูหรีก็ต้องจบชีวิตลงในดินแดนแห่งนั้น ตอนหนึ่งของนิยายที่แม่บังเกิดเกล้าเล่าให้ผมฟังอยู่หลายครั้ง ผมนึกเรื่องตอนนี้ได้ช่วงพี่ที่แสนดี ชักชวนให้ไปผักผ่อนที่จังหวัดสระบุรี ทำให้ผมตัดสินใจเก็บความรักของเราทั้งสองไว้ในความทรงจำ เพราะกลัวว่า สาวปักษ์ใต้คนที่ผมรักต้องต่อสู้กับพวกเครือญาติ และพี่ๆไม่ได้แน่นอน
ผู้หญิงคนใดกันที่สลักปานดำรูปหัวใจไว้ที่ตัวผม
No comments:
Post a Comment