เสาไม้ตกน้ำมัน ที่ริมทะเลสาปสงขลา
เสาไม้ตกน้ำมัน ที่ริมทะเลสาปสงขลา
ยังจำได้สมัยยังเด็ก ครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวหัวเมืองปักษ์ใต้เมื่อสี่สิบปีที่ผ่านมา คุณตายากจะเห็นอาคารสำนักงานธนาคารชาร์เตอร์ที่ภูเก็ต ด้วยความดีใจที่พี่ชายได้เข้าทำงานที่สาขากรุงเทพฯ นายฝรังผู้จัดการธนาคารที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษ และภาษามาลายู บรรยาย ความสวยงามของอาคาร ทิวทัศน์มีความงดงาม ผมโชคดีกว่าคนอื่นๆ คนแก่มักจะพาไปด้วยเสมอ แต่โชคร้ายที่ต้องขาดเรียนอยู่เป็นประจำ
ที่น่าสนุกก็ตอนนั่งรถไฟจากหัวลำโพง เราหลายคนต้องนั่งและนอนพื้นรถไฟหน้าห้องน้ำที่สกปรกผู้คนผ่านเข้าออกเป็นประจำ มีผู้คนจำนวนมากที่ทำเหมือนเรา ที่นั่งเต็มไปด้วยคนนั่งอย่างน้อยสามคนต่อหนึ่งเก้าอี้นั่ง ความทันสมัยของรถไฟยุคนั้นดูไม่สะดวกสบายเหมือนยุคนี้ สัมภาระของรถไฟดูจะมากกว่าของผู้เดินทาง ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางหมดสิ้นเมื่อเราต้องมาพบกับพี่สาวซึ่งรับราชการที่สงขลา จากนั้นเราก็เดินทางโดยรถยนตร์ที่พี่สาวเตรียมไว้ ผ่านเขาพับผ้า แล้วเราก็ใกล้มาถึงภูเก็ต ช่วงนั้นสะพานข้ามเข้าภูเก็ตยังไม่ได้ก่อสร้าง พี่สาวและพี่เขยบอกว่า อีกไม่นาน ทางการจะสร้างสะพานข้ามไปที่เกาะภูเก็ต
จำไม่ได้ว่าข้ามไปฝั่งเกาะยังไร แต่ที่จดจำได้คือ ความงดงามของอาคารเก่าแก่ของธนาคาร พวกเราไม่มีโอกาสเข้าไปเพราะเป็นวันหยุดราชการ ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน้าอาคารก็พอใจ หลังจากนั้นได้เดินทางกลับไปที่หัวเมืองสงขลา ถ้าหากจำไม่ผิดพลาดนั่งรถผ่านตลาดใหญ่ของเมืองสงขลาจะอยู่ทางซ้ายมือ ทางขวามือผ่านโรงหนังภาพยนตร์เล็กๆ ผู้คนยังไม่มากเหมือนสมัยนี้ ถึงสี่แยกรถเลี้ยวซ้ายเพียงนิดเดียวก็จะพบกับทะเลสาบสงขลา แต่รถของเราเลี้ยวขวาเข้าไปในโรงเรียนเก่าๆ เดิมเป็นโรงเรียนสอนช่างไม้ อีกฝากตรงข้ามเป็นที่อู่ซ่อมเครื่องเรือ
บ้านหลังแรกที่รถเลี้ยวขวาเป็นเรือนไม้สองชั้นที่พักของพี่สาวและพี่เขย ชั้นบนมีสามห้องนอน ชั้นล่างมีหนึ่งห้องนอน สำหรับข้าราชการที่ยังไม่มีครอบครัว พวกเราพักกันอยู่ชั้นบนทั้งหมด มีบันไดขึ้นหน้าบ้านผ่านห้องแรกของชั้นบนติดกับระเบียง ห้องที่สองเป็นห้องมุมติดกับถนน ส่วนห้องที่สามชั้นบนที่พวกเราพักจะมีบันไดขึ้นด้านหลัง วิวทิวทัศน์ดีมาก มีเรือจอดเรียงกันเป็นแถว มีข้อเสียคือเป็นที่หักศอก เสียงรถและเรือดังมาก เสียงประทัดส่งเสียงดังย่อมหมายถึงการเดินเรือ หรือพิธีกรรมของชาวเรือในทะเลสาปสงขลา คนกรุงเทพฯอย่างเราคุ้นเคยแต่เสียงวูดเรือดังในแถบแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันนี้เสียงวูดเรือดังไม่มีให้เราได้ยินมานานแสนนาน
รถที่วิ่งบนถนนเรียบทะเลสาปหลังเรือนที่เราพักดูจะน้อยกว่าเรือ เห็นภาพเรือสลับกันเข้าและออกวนเวียนน่าสวยงาม ไม่เหมือนกับรถบนถนนในสมัยนี้ คนงานบนเรือเดินกันพลุกพล่านริมถนนข้างเรือนที่พักในตอนหัวค่ำ พวกคนเรือจะไม่ค่อยสนใจพวกเรามากนัก เพราะเป็นสถานที่ราชการ มีคนเรือหลายคนนั่งซ่อมอวนจับปลา มีปลาตากแดดริมถนนติดทะเลสาปไม่มากนัก
หากจะสังเกตุบ้านพักหลังนี้อยู่ในสักษณะมุมหักศอก ถนนตัดริมทะเลสาปเป็นมุมพอดี ประกอบกับมีทะเลสาปขนานกับถนนด้วย พี่สาวบอกว่า สองห้องหักมุมเคยนอนอยู่หลายครั้ง นอนก็ไม่หลับ เหมือนมีคนมายืนจ้องมองตลอดเวลา ต้องมานอนห้องแรกติดระเบียงบันไดหน้า ไม่ตั้งใจจะให้คุณตานอน แต่คุณตาบอกว่า ไม่เป็นปัญหา นอนได้ เรื่องของผีสางนางไม้ไม่กลัวมันหรอก อายุคุณตาเจ็ดสิปปีแล้ว ผ่านอะไรมามากมาย มาอยู่เมืองไทยตั้งแต่อายุสิปสามปี เป็นที่ตกลงคุณตาขอนอนห้องที่สอง ยามค่ำคืนพวกเราพักห้องติดกับคุณตา คุยกันจนดึกแต่แปลกใจได้ยินเสียงคุณตาคุยกับใครกัน คิดจะเดินไปดูก็ไม่ได้ ต้องผ่านห้องของพี่สาวและพี่เขย จะลงด้านล่างเพื่ออ้อมไปขึ้นบันไดหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะเปิดไฟตรงไหน พวกพี่ๆก็ตัดสินใจเรียกพี่สาวจากห้องตรงกลาง
พีสาวที่รับราชการที่สงขลา บอกว่าไม่มีอะไร ไฟก็ดับในห้องคุณตา หรืออาจจะสวดมนตร์ ด้วยความอ่อนเพลียจากการเดินทาง ทุกคนก็หลับสนิทในคืนนั้น เช้าวันรุ่งขึ้น คุณตาทำไมตื่นสายจัง พวกเราเตรียมพร้อมจะออกไปเดินเที่ยวเล่นริมทะเลสาป น่าจะผิดปกติสักอย่าง คุณตาไม่เคยนอนตื่นสาย รอคอยสักพักหนึ่งจะดีกว่า เสียงประตูห้องเปิดแง้มออกมา พวกเราเริ่มดีใจ คุณตาไม่เป็นไร นึกว่าคุณตาป่วยจากการเดินทาง อากาศร้อนชึ้นแบบนี้ ไม่เหมือนกับทางบ้านเราที่กรุงเทพฯ กลางคืนอากาศเย็นสบาย แต่กลางวันอากาศร้อนพอสมควร ความร้อนของบ้านเราไม่เหมือนกับทางภาคใต้ ทางกรุงเทพฯร้อนแบบแห้งแล้ง ในยามค่ำคืนก็ต่างกัน
พวกเรารีบร้อนด้วยความอยากจะไปเดินรอบทะเลสาป สีหน้าคุณตาเดินลงมาจากบันไดลงสู่ชั้นล่างด้วยความอ่อนเพลีย สายตามองมาที่พวกเราพร้อมกับส่ายหน้า สำเนียงการพูดภาษาอังกฤษผสมกับภาษามาลายูของคุณตาดูช้าลงมาก เมื่อคืนไม่ได้นอนเกือบทั้งคืน กว่าจะได้นอนก็เกือบใกล้พระอาทิตย์จะขึ้น พี่สาวจูงมือคุณตาไปเข้าห้องน้ำ หลายคนแปลกใจ แต่ผมยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจ ก้มหน้านึกในใจว่า วันนี้อดเที่ยวทะเลสาปสงขลาแน่นอน พวกเราทุกคนนั่งลงบนพื้นหญ้าหน้าบ้าน รอคอยคุณตาอาบน้ำแต่งตัว สักพักหนึ่งท่านก็เรียกกลุ่มพวกเราขึ้นไปที่หน้าห้องนอนของท่าน
ใกล้หน้าห้อง เป็นจุดที่คุณตาชี้ว่า ต้องนั่งคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งอยู่เกือบทั้งคืน ง่วงนอน อยากจะนอน หญิงสาวก็ชวนคุยหลายเรื่อง สายตาของพี่สาวและพี่เขยพุ่งตรงไปที่เสาเรือนต้นที่มีสีดำเป็นทางยาว มีน้ำมันเกาะติดอยู่ด้วย ผมยังจำภาพเสาตกน้ำมันได้ว่า มันเป็นมุมที่มืดถึงแม้พระอาทิตย์จะส่องเข้ามา ในยามค่ำคืน ผมและกลุ่มพี่ที่เดินทางไปครั้งนี้เดินขึ้นไปดูเสาตกน้ำมัน แสงไฟหลอดกลมในสมัยก่อนทำให้พวกเรามองเห็นเสาตกน้ำมันช่างน่ากลัว คุณตายืนยันขอนอนห้องนี้ในค่ำคืนต่อมา ผมไม่สามารถจดจำเรื่องราวในคืนต่อมาได้ว่า คุณตายังนั่งคุยกับหญิงสาวอีกหรือไหม
หลังจากนั้นพี่สาวและพี่เขยก็นำดอกไม้หนึ่งกำมือขึ้นไปผูกโยงไว้กับเสาตกน้ำมันในวันที่พวกเราเดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพฯ
No comments:
Post a Comment