Asian Stamp Rare

Friday, 23 November 2012

กริชมัสสุหรี คำสาปของกริช

คำสาปกริช มัสสุหรี                                                                                                                                                           

             ถ้าหากเราลองคิดถึงหัวอกของผู้หญิงสักคน หลายคนต้องเข้าใจและมีมุมมองที่ตรงกันข้าม ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาเปรียบที่ขี้ขลาด ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าสู้กับความจริง  นอกจากนั้นยังไม่ยอมบอกถึงการเอาคนรักของตัวเองไปแลกเปลี่ยนเพื่อยกเลิกกับการมั่นหมายสาวอื่น ช่างน่าเกลียดอะไรสักปานนี้ บางคนอาจจะคิดว่า น่าจะเป็นรักแบบผ่านๆ ผมได้คิดไตร่ตรองตามที่แม่บังเกิดกล้า ได้เคยเล่าเรื่องว่า เจ้าหญิงแห่งแดนใต้ผู้น่ารักไม่สามารถจะอดทนกับการกลั่นแกล้งของเครือญาติฝ่ายเจ้าชาย ความทุกข์ทรมานของเธอช่างแสนสาหัส สุดท้ายเจ้าหญิงแห่งแดนใต้ผู้น่ารัก เพรียบพร้อม ก็ต้องจบชีวิตลง ความที่เธอไม่ผิด ศัตราอาวุธใดก็ไม่อาจจะทำลาย ยกเว้นคำสาปจากกริชของวงศ์ตระกูล มัสสุหรีเท่านั้น

              ผมเริ่มจะคาดการณ์อนาคตข้างหน้าตามที่ผู้เฒ่าผู้แก่ และพ่อแม่บอกเล่าเรื่องให้ฟังอยู่หลายครั้ง คำสาปเริ่มทิ่มแทงโดยไม่รู้ตัว ก่อนหน้าการแต่งงานอันเร่งรีบของผมเพื่อเหลี่ยกเลี่ยงข้อตกลงของน้าสาวใหญ่หรือแม่เลี้ยง และคนแก่คือ ข้อตกลงสัญญาจากผู้ใหญ่ระหว่างฝ่ายหญิงกับผู้ใหญ่ฝ่ายชายได้ทำไว้ตั้งแต่ยังเด็กๆ  

             ยามใดที่ผมมีเวลาว่างและเบื่อหน่ายจากชีวิตคู่สมรส กลุ่มพี่สาวก็มักจะชักชวนกันไปเที่ยวหัวเมืองปักษ์ใต้อยู่หลายครั้ง เราจะไปแค่สุราษธานีแล้วก็กลับเข้ากรุงเทพฯ แต่ในใจของผมก็ยังคิดอยากเดินทางต่อลงไปอีก เราน่าจะไปให้ถึงสงขลา หาดใหญ่ ทำไมกลุ่มพี่สาวไม่ยอมลงไปเมืองนี้ ทั้งที่พี่สาวเคยรับราชการที่นั้นมาหลายปี หรือทุกคนคงจะรู้ว่าใจของผมยังรัก ห่วงใย เพื่อนสาวเมืองหาดใหญ่ ในจิตใจและความทรงจำ สามารถขับรถไปบ้านเธอได้โดยไม่ลืมเลือน

             ห้าปีให้หลังจากนั้น กลุ่มพี่สาวยินยอมที่จะลงไปเที่ยวเมืองสงขลา หาดใหญ่ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ผมมีโอกาสหลบหลีกกลุ่มพี่สาว ขับรถไปหาเพื่อนสาวคนที่ช่วยผม ตั้งใจจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอได้รับรู้ ไม่อยากเก็บเรื่องนี้ไว้ให้คาใจ อยากจะขอบใจและเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้รัก ใกล้ชิดกับเธอ ช่วงที่ขับเลี้ยวเข้าซอย ผมดีใจที่กลับมาเห็นซอยเล็กๆ ก่อนถึงบ้านเพื่อนสาว เกือบเจ็ดปีที่ผ่านมา ผมไม่ได้พบเธอ สายตาของผมพยามหาบ้านนั้นทางซ้ายมือ มันเกิดอะไรขึ้นในสายตาของผม อธิบายได้ยากจริงหนอ

            ผมเห็นแต่หมอกและควันในซอยนี้ หาบ้านหลังนั้นไม่พบ ขับเวียนอยู่หลายรอบก็ไม่เห็นคนให้ได้สอบถาม มีบ้านแต่ทุกหลังกลับเงียบสงบ ตั้งใจทิ้งผมขับรถอยู่ในป่าช้าหรือไร จอดรถข้างทางท่าจะดี ยืนดูรอบด้าน  หาคนก็ไม่มีสักคน นานราวชั่วโมงก็ไม่มีใคร กลับเข้าไปนั่งในรถอย่างเดิม สายตาก็ยังเห็นหมอกจางเบาบาง ผมอยู่ในท่ามกลางความฝันหรืออย่างไร ที่เห็นในปัจจุบันเป็นป่าช้าฝังศพ ผมก็ไม่เคยกลัว ตั้งแต่เด็กจนเติบโตแลเห็นศพที่มีญาติและไม่มีญาติขนส่งด้วยรถ นำมาวางเกลื่อนกล่าน บางโรงศพก็เปิดจนเห็นสภาพ บางโรงศพขึ้นอืดจนแลสภาพไม่ออก กลับโชคดีที่มีญาติมาขอรับกลับไป เพื่อนสาวปักษ์ใต้ที่ผมรักน่าจะสาปแช่ง โกรธและเกลีดผมมาก

           ทดลองขับรถไปหน้าซอยนี้คงจะมีคนให้ได้ถาม สายตาเห็นถนนใหญ่ แต่สว่างไสวแตกต่างกัน คงไม่ต้องถามใครแน่แล้ว มันเป็นคำสาปแช่งของเธอแน่นอนหรืออาจจะเป็นเวรกรรมในชาติก่อนของเราสองคน ระหว่างทางขับรถออกจากเมือง ผมได้แต่ภาวนา ขอให้ผมอธิบายให้เธอรู้บ้างสักเล็กน้อยก็ยังดีกว่าให้เรื่องนี้เก็บเป็นความลับอีกเลย

          สามสิบห้าปีให้หลัง ผ่านไป  ข่าวคราวของเธอก็มีขึ้นมา เมื่อผมไปเมืองปักษ์ใต้ตอนกลาง เพื่อนสาวเมืองนครศรีธรรมราชได้ช่วยให้ผมหาข่าวเธอ ในใจของผมคิดแบบกลางๆ อาจได้ข่าวหรือไม่ก็ตาม บุญบารมีของผมไปถึงตรงจุดไหนแล้วแต่ ขอให้ได้บอกได้เล่าเรื่องที่เธอช่วยผม โชคเข้าข้างเราเมื่อในวันงานเลี้ยง มีเพื่อนจากหาดใหญ่มาด้วย ผมจึงเล่าเรื่องให้ฟัง เพื่อนบอกว่าหาเธอไม่ยาก ผมยังไม่ดีใจแต่กลับเดินทางต่อขึ้นเขาสันกะลาคีรี นอนพักอยู่เกือบเดือน เพื่อนที่หาดใหญ่ก็ให้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อเธอให้กับผม

            เสียงสำเนียงพูดกลางของเธอ มั่นใจได้มากกว่าครึ่งถึงแม้จะล่วงเลยมาสามสิบกว่าปี  ผมบอกเธอว่า ตอนนี้อยู่บนเขา สายโทรติดต่ออาจมีปัญหา   ใช้เวลาตัดสินใจอยู่นาน คิดว่าการโทรศัพท์คุยกันคงจะไม่ดี ในการเล่าเรื่องราว หากเป็นการโทรติดต่อคงจะคุยกันเล็กน้อยก็พอ เก็บเอาไว้พบกันจะดีกว่า เธอพูดกับผมเล็กน้อย แต่เหมือนเธอจะรู้ว่า สาเหตุอันใด เธอบอกเพียงว่า ฐานะทางสังคม การเงินทำให้เป็นสาเหตุสำคัญ ผมเป็นคนมีฐานะดี ส่วนเธอเหมือนเด็กบ้านนอก ความรู้สึกในใจของผมพูดอะไรออกมาไม่ได้ เพื่อนๆหลายคนมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ท้องที่ใจกลางเมืองที่ผมอยู่มีสภาพเศษฐกิจแตกต่างจากที่อื่น ค่าใช้จ่ายสูง ทำให้คิดกันไปว่า ผมเป็นผู้มีฐานะดี อยากจะเล่าให้ใครหลายคนเข้าใจ มันคงเป็นไปได้ยาก นอกจากจะมาประสบด้วยตนเอง มีบ่อยครั้งที่อยากจะหลีกหนีสภาพความเป็นอยู่ในใจกลางเมือง มันทำเช่นนั้นไม่ได้ ตราบใดที่ยังมีคนแก่พักอาศัยอยู่

            หยุดนั่งคิดสักพักหนึ่ง คำสาปหรือเวรกรรม พระเจ้าลงโทษตัวเราแล้ว ความตั้งใจแน่วแน่ว่า ขอให้เป็นคนที่เมื่อตายไปแล้ว ไม่ประสงค์เป็นศพที่ไม่มีญาติมารับ ตอนสมัยเด็กจนโตเป็นหนุ่มได้ผ่านป่าช้าอยู่บ่อยครั้ง เห็นศพตายแล้วมามากมายมาส่งที่ป่าช้า หากใส่รถผ่านมา ตัวเราก็จะหยุดยืนตรงรอให้รถขนศพผ่านไปก่อน มีหลายศพที่บางคนมาขอดูเพราะสงสัยว่าจะเป็นญาติพี่น้อง ประสาของเด็กและวัยรุ่นแทบนี้ก็จะมุงยืนดูด้วย ทำให้ผมคิดเสมอว่า หากชีวิตเราเป็นเช่นนี้บ้าง

           หากเราตายหมดลมหายใจ กลายเป็นศพไม่มีญาติก็ดีแบบหนึ่ง ไม่ต้องให้ใครมาลำบากลำบน ไม่ต้องมีใครเศร้าโศรก ผ้าขาวผืนหนึ่งห่มร่างไร้วิญญาณ ไร้สมบัติที่เคยมี ไม่มีญาติมาอิจฉาริษยา หรือเราจะเลือกแบบศพที่มีญาติ ห่วงใยด้วยความรัก  บางคนก็เศร้าโศก แต่บางคนก็บ่นว่า น่าจะตายนานแล้วละ รอคอยให้เราตายด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าหากเราสิ้นบุญไปนานแล้ว มีใครบ้างที่ระลึกถึงนะ หรือยังรักและเข้าใจ ความตั้งใจที่เลือกขอเป็นศพที่มีญาติต้องล้มเหลวสิ้น เพราะคนที่ผมรักได้เพิ่มความเกลียดชังและสาปแช่งมาตลอดสามสิบห้าปี หากผมไม่มีโอกาสอธิบายความจริงด้วยตนเอง คำสาปนี้คงจะติดตัวไปชัวนิรันดร    

          


             

             

               

No comments:

Post a Comment